แม้จะมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่ในอากาศมีอนุภาคเล็กจิ๋วที่เรียกว่า PM2.5 แฝงตัวอยู่ พวกมันสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางจมูกและส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้ วันนี้ “โล่งใจใกล้หมอ by Hashi” ได้รับเกียรติจาก รศ.นพ.มงคล เหล่าอารยะ มาช่วยให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพช่วงที่มลพิษในอากาศสูง เพื่อให้คุณพร้อมรับมือPM2.5 อย่างถูกวิธีค่ะ
.
PM2.5 คืออะไร?
PM2.5 ย่อมาจาก Particulate Matter หรืออนุภาคฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมโครเมตร ซึ่งเล็กกว่าเส้นผมของมนุษย์ถึง 25 เท่า! จึงสามารถลอยอยู่ในอากาศได้นานและเข้าสู่ร่างกายของเราได้ง่ายมาก ส่วนประกอบของ PM2.5 มีทั้งสารอินทรีย์และอนินทรีย์ที่มีทั้งโลหะหนักและสารเคมีต่างๆ จากการเผาไหม้และกระบวนการอุตสาหกรรม ซึ่งอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแหล่งที่มา
.
สาเหตุของ PM 2.5
ส่วนใหญ่ เกิดจากการเผาไหม้ เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิง การเผาป่า การเผาขยะ มีบางส่วนเกิดจากกระบวนการทางอุตสาหกรรม การก่อสร้าง และฝุ่นละอองจากท่อไอเสียรถยนต์
.
ทำไม PM 2.5 ถึงอันตราย?
• ขนาดเล็กมาก: จนผ่านจมูก เข้าสู่ทางเดินหายใจ ปอด และดูดซึมสู่กระแสเลือดทางหลอดเลือดฝอยในถุงลมปอดได้โดยตรง
• ก่อให้เกิดการระคายเคือง: PM2.5 จะก่อให้เกิดการระคายเคือง ที่อวัยวะต่าง ๆ เช่น ผื่นผิวหนัง เยื่อบุตา ตาแห้ง แดงทางเดินหายใจ เกิดอาการไอ ระคายคอ เจ็บคอ หายใจลำบาก
• เป็นพาหะนำเชื้อโรค สารก่อภูมิแพ้ และสารพิษ: PM2.5 สามารถจับกับเชื้อโรค ไวรัส สารก่อภูมิแพ้ สารพิษต่างๆ เช่น โลหะหนัก สารก่อมะเร็ง และนำพาเข้าสู่ทางเดินหายใจส่วนล่างได้ ทำให้มีโอกาสติดเชื้อทางเดินหายใจเพิ่มมากขึ้น
• ส่งผลต่อสุขภาพระยะยาว เมื่อ PM2.5 เข้าสู่กระแสเลือดจะทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังทั่วร่างกาย เกิดการเปลี่ยนแปลงของสารพันธุกรรมในเซลล์ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคถุงลมโป่งพอง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งปอดและมะเร็งที่อวัยวะต่าง ๆ
.
วิธีป้องกันตัวเองจาก PM2.5
• สวมหน้ากาก เลือกใช้หน้ากากที่มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น PM2.5 เช่น หน้ากาก N95
• หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง ในวันที่ค่า PM2.5 สูง ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้ง
• ปิดประตูหน้าต่างและใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA filter เมื่ออยู่ในบ้าน
• ติดตามข่าวสาร ตรวจสอบค่า PM2.5 ก่อนออกจากบ้าน ในช่วงฤดูที่ PM2.5 สูง ใน กทม.มักสูงในฤดูหนาวที่มีอากศปิด ประมาณเดือนธันวาคมถึงมกราคม ส่วนภาคเหนือมักสูงช่วงปลายฤดูหนาวก่อนเข้าฤดูฝนช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม
• ในผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด โรคหัวใจ ควรใช้ยาและติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลาที่มีมลพิษสูง จะมีโอกาสที่โรคกำเริบได้มากขึ้น การใช้ยาสม่ำเสมอจึงมีความจำเป็น
.
ทำไมการล้างจมูกจึงสำคัญ?
PM2.5 และมลพิษในอากาศ มีช่องทางเข้าสู่ร่างกายผ่านจมูก ลงไปสู่ทางเดินหายใจส่วนล่าง การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือที่สะอาด จึงเป็นหนึ่งในวิธีการดูแลตนเองที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการลดผลกระทบจากมลพิษ เพราะ
• ช่วยชะล้างฝุ่นละออง PM2.5 สารมลพิษ และสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ ออกจากโพรงจมูก
• ทำให้โพรงจมูกจมูกชุ่มชื้น ช่วยลดอาการระคายเคืองในจมูก คัดจมูก และอาการไอ
• ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อทางเดินหายใจ
.
ใครควรล้างจมูกบ้าง
การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ เป็นวิธีที่ง่าย สะดวก ราคาถูก ช่วยชะล้างสิ่งแปลกปลอมเป็นอันตรายที่ติดในโพรงจมูกออกไป ในช่วงที่มลพิษในอากาศ หรือ PM2.5 สูง การล้างจมูกจึงน่าจะมีประโยชน์กับทุกคน แต่คนที่ควรล้างอย่าสม่ำเสมอ ได้แก่
• ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ โดยเฉพาะจมูกอักเสบจากภูมิแพ้
• ผู้ที่ติดเชื้อทางเดินหายใจ ไซนัสอักเสบ หรือเป็นหวัด ที่มีน้ำมูก คัดจมูกมาก
• ผู้ที่มีน้ำมูก และไม่สามารถสั่งน้ำมูกได้หมด โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ในเด็กเล็กที่มีน้ำมูกมาก การล้างจมูกอาจช่วยป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจตามมาได้
.
ข้อระวังในการล้างจมูก
• น้ำเกลือ ควรใช้น้ำเกลือที่สะอาด ความเข้มข้นพอเหมาะ หากเป็นไปได้ควรเป็นน้ำเกลือ หรือเกลือชนิดผงที่ผลิตขึ้นสำหรับล้างจมูกโดยเฉพาะ และหากเป็นเกลือชนิดผงควรผสมด้วยน้ำดื่มสะอาด
• ความสะอาด ควรล้างอุปกรณ์ที่ใช้ในการล้างจมูกให้สะอาดทุกครั้งหลังการใช้งาน
• การล้างน้ำเกลือด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม จะมีโอกาสเกิดอาการผิดปกติหลังการล้างจมูก เช่น มีอาการระคายเคือง เลือดกำเดาไหล ปวดหู หูอื้อ หูอักเสบติดเชื้อ ตามมาได้
• ไม่แนะนำให้นำน้ำประปามาผสมล้างจมูก เนื่องจากไม่มีความสะอาดเพียงพอ
.
การล้างจมูกเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลตนเองในช่วงที่มีมลพิษสูง การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยลดผลกระทบของมลพิษต่อสุขภาพของคุณได้
——–
โล่งใจใกล้หมอ สนับสนุนโดย Hashi ผงเกลือและอุปกรณ์ล้างจมูก ที่ออกแบบมาเพื่อการล้างจมูกโดยเฉพาะ
#ฝุ่น #PM2.5 #Hashi #โล่งใจใกล้หมอbyHashi #สุขภาพโพรงจมูก #ล้างจมูก